
ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีจำเป็นต้องรอเวลาถึง3 ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทางเธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อและเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆเธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่งเมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาสักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือชายหนุ่มก็หยิบขนมคุกกี้ออกจากถุง
ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้นเธอมองด้วยความโกรธ...!!1แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจเธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย...กำลังกินมันให้หมดสิ้นไปเธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า
ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้นเธอมองด้วยความโกรธ...!!1แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจเธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย...กำลังกินมันให้หมดสิ้นไปเธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า

"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นทั้งสองส่งสายตามองกัน...เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้ายเธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไรชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้นส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น....เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่องไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิมภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้วเธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้งในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมากถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกินเธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่มแต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่ามันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่องเธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาทเป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง...
มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด...มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น...และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเองซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมายนี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่นหลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดีแล้วคอยสงสัยตัวเองว่า

….."เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง? และเราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่"
No comments:
Post a Comment